วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

โรคตากระตุกหรือใบหน้ากระตุก...อันตรายหรือไม่ >> โดย ร.ท.พ.ญ.เกศรา โกสัลล์ประไพ กลุ่มงานจักษุวิทยา รพ.เจริญกรุงประชารักษ์


     โรคตากระตุก     ...ตากระตุกหรือใบหน้ากระตุก อันตรายหรือไม่



       

อาการตากระตุก หรือ ใบหน้ากระตุก ...อันตรายหรือไม่?  สาเหตุเกิดจากอะไร? และมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง? อ่านรายละเอียดได้เลยค่ะ

โรคตากระตุก (Blepharospasm)  เป็นโรคที่เกิดจากกล้ามเนื้อ orbicularis muscle รอบดวงตาเกิดอาการหดเกร็งและกระตุก  ส่วนโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก (hemifacial spasm) เกิดจากการหดเกร็งและกระตุกของกล้ามเนื้อใบหน้าซีกใดซึกหนึ่ง พบได้ในวัยผู้ใหญ่ อายุเฉลี่ย 45-50 ปี พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

อาการเริ่มต้นมักกระตุกที่หนังตามาก่อน หลังจากนั้นก็กระจายไปครึ่งใบหน้า ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ป่วยอย่างมากและบ่อยครั้ง กล้ามเนื้อรอบตาจะเกร็งจนตาปิดไปรบกวนการมองเห็น ทำให้รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้  นอกจากนี้ยังเป็นปัญหาในการเข้าสังคมแก่ผู้ป่วยมาก

สาเหตุ   :  เชื่อว่าเกิดจากเส้นเลือดที่เลี้ยงก้านสมองเกิดคดเคี้ยวและไปกดเบียดเส้นประสาทสมองเส้นที่ 7 ทำให้เกิดการนำกระแสประสาที่ผิดปกติขึ้นมา หรือเกิดจากเนื้องอกของอวัยวะใกล้เส้นประสาท หรือของเส้นประสาทเอง แต่ส่วนใหญ่จะไม่พบโรคร้ายแรง (และไม่มีโรคที่เป็นสาเหตุแน่ชัด) มักเป็นข้างเดียว อาจพบมีสาเหตุกระตุ้นได้ เช่น ความเครียด การอดนอน คาเฟอีน แอลกอฮอล์





การรักษา  :  ในอดีตได้มีการรักษาทางยาและการผ่าตัด โดยยาที่ใช้มีหลายชนิด เช่น carbamzepine , gabapentin , clonazepam , baclofen แต่ได้ผลบ้างเล็กน้อย ไม่ดีเท่าที่ควรและมีผลข้างเคียง  เช่น  ง่วง  แพ้ยา  เป็นต้น  ส่วนการผ่าตัด เรียกว่า microvascular decompression จะต้องเปิดเข้าไปในกะโหลกศีรษะและทำให้เส้นเลือดที่เบียดเส้นประสาทอยู่แยกห่างจากกัน แต่ก็มักกลับมาเป็นซ้ำได้อีก  และยังมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้  เนื่องจากเส้นเลือดและเส้นประสาทมีขนาดเล็กมาก  เป็นการผ่าตัดที่อันตรายและมีความเสี่ยงสูง  อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสูงมาก  ปัจจุบันจึงไม่เป็นที่นิยม


 


นอกจากนั้น  ถ้าใบหน้ากระตุกครึ่งซีกเกิดจากสาเหตุที่ชัดเจน เช่น เนื้องอก ก็รักษาตามสาเหตุแต่ก็พบได้น้อยมาก

ในปัจจุบันการฉีดยา Botulinum toxin  หรือ  Botox  เพื่อรักษาอาการใบหน้ากระตุกครึ่งซีกเป็นที่ยอมรับว่าได้ผลดี  แต่ราคาสูงและต้องทำการฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือน

หลักการของการใช้ยา Botulinum toxin  คือ  ยาจะไปยับยั้งการนำกระแสประสาทที่สั่งการไปที่กล้ามเนื้อ  ทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้น้อยลง  ทำให้การกระตุกลดลง  จะเริ่มเห็นผลการรักษา 1-2 สัปดาห์หลังจากฉีด  และยาจะออกฤทธิ์อยู่นาน 3-6 เดือน

ผลข้างเคียงที่พบได้  :  เป็นผลข้างเคียงระยะสั้นและไม่ได้พบบ่อย ได้แก่ หนังตาตก  ปิดตาไม่สนิท  ตาแห้ง  ปากเบี้ยว แต่ก็จะหายไปเมื่อยาหมดฤทธิ์  อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรเลือกรับการฉีดยาจากแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์มานาน

หลังการฉีดยา ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  ผู้ป่วยที่มีหนังตาปิดสามารถลืมตามองเห็นได้อีกครั้ง และสามารถเข้าสังคมและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ  ในผู้ป่วยที่มีอาการมาก แม้จะไม่ได้หายสนิทหลังฉีดยา แต่ความถี่และความแรงในการกระตุกจะลดลงอย่างชัดเจน

โดยสรุปการฉีดยา Botox   สามารถใช้รักษาโรคกล้ามเนื้อรอบตาและใบหน้ากระตุกได้ดีโดยผู้ป่วยไม่ต้องเสี่ยงต่อการผ่าตัดสมอง และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมากในการผ่าตัดสมอง  และไม่ต้องรับประทานยาซึ่งมีผลข้างเคียง ทำให้ง่วงมาก  นอกจากนี้การฉีดยา Botox ยังไม่พบผลข้างเคียงที่มีอันตรายใด ๆ

...ใครที่ต้องทรมานกับโรคตากระตุกหรือใบหน้ากระตุก ไม่น่ากลัวเลยนะคะ กับวิธีการรักษาในปัจจุบันที่ไม่ต้องเสี่ยงจากผลข้างเคียงในการผ่าตัด  เพียงแค่ฉีดด้วยเข็มฉีดยาเล็ก ๆ คุณก็ไม่ต้องรำคาญกับตากระตุกและใบหน้ากระตุกอีกต่อไปค่ะ



ผู้ป่วยสามารถเข้ารับบริการปรึกษาและนัดฉีดยา Botox  ได้ทุกวันอังคารที่ 1 และ 2  ของเดือนที่คลินิกรักษาผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกครึ่งซีก และกล้ามเนื้อตากระตุกแผนกจักษุวิทยา  ชั้น 4 อาคาร 72 พรรษา มหาราชินี  โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ค่ะ










1 ความคิดเห็น: