อาหารชะลอโรคจอประสาทตาเสื่อม
โดย พญ.ณัฐชาดา ตันสืบเชื้อสาย*
พญ.ดลฤดีศิรินิล**
*กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบลเจริญกรุงประชารักษ์
**กลุ่มงานจักษุวิทยา โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
พญ.ดลฤดีศิรินิล**
*กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบลเจริญกรุงประชารักษ์
**กลุ่มงานจักษุวิทยา โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
1.
โรคจอประสาทตาเสื่อมแบบแห้ง (dry [non-exudative] AMD)
พบในคนไข้ส่วนใหญ่ถึง 90%
2. โรคจอประสาทตาเสื่อมแบบเปียก
(wet [exudative] AMD) พบได้น้อยกว่าแต่มีการดำเนินโรคที่เร็วและรุนแรงกว่า
มีปัจจัยหลายอย่างทั้งปัจจัยทางพันธุกรรมและสภาพแวดล้อมที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม
โดยพบว่าอายุเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด และการสูบบุหรี่สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้ประมาณ
2 เท่า
นอกจากนี้ โรคความดันโลหิตสูง การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง
และโรคอ้วนก็มีส่วนทำให้เกิดโรคนี้ได้ ส่วนปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่ยังคงไม่แน่ชัด ได้แก่
การผ่าตัดต้อกระจก แสงแดด และเพศหญิง
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาใดที่มีหลักฐานชัดเจนว่าสามารถชะลอหรือป้องกันการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะรุนแรง
(advanced
AMD) ได้
อย่างไรก็ตามได้มีการศึกษาถึงบทบาทของวิตามินและแร่ธาตุต่างๆต่อการดำเนินโรค
โดยผลการศึกษาที่ถูกอ้างถึงอย่างมากคือ การศึกษาของ AREDS (The
Age Related Eye Disease Study) ซึ่งพบว่าการบริโภควิตามินและแร่ธาตุปริมาณสูงต่อเนื่องเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงของการดำเนินโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
AREDS เป็นการศึกษาแบบ Multicentered,
randomized, placebo-controlled, clinical trial ถึงผลของการได้รับวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณสูงกับการดำเนินโรคจอประสาทตาเสื่อม
ในผู้ป่วย 4757 คน อายุระหว่าง 55-80 ปี
โดยติดตามเป็นระยะเวลาเฉลี่ย 6.3 ปี
สูตรอาหารเสริมที่ใช้ในการทดลองประกอบด้วย vitamin C 500 mg/day, vitamin E
400 IU/day, beta carotene 15 mg/day, zinc oxide 80 mg/day และ cupric
oxide 2 mg/day (เพื่อป้องกัน zinc-induced copper
deficiency) ศึกษาโดยแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 4 กลุ่มตามความรุนแรงของโรค
ได้แก่ ประชากรปกติ (no AMD), ผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะเริ่มแรก
(Early AMD), ระยะปานกลาง (Intermediate AMD) และระยะรุนแรง (Advanced AMD)
โดยให้ผู้ป่วยแต่ละกลุ่มบริโภคอาหารเสริมที่เป็น antioxidant เท่านั้น, zinc เท่านั้น, antioxidant และ zinc และ placebo (ยาหลอก)
เป็นประจำทุกวัน ผลการศึกษาพบว่าในกลุ่ม
· ผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะปานกลาง
(Intermediate
AMD) การบริโภค antioxidant และ zinc,
zinc เท่านั้น และ antioxidant เท่านั้น สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะรุนแรง
(Advanced AMD) ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติถึง 25%, 21%
และ 17% ตามลำดับ
· ผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะรุนแรง (Advanced AMD) พบว่าการบริโภค antioxidant และ zinc, zinc เท่านั้น และ antioxidant เท่านั้น สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดตาบอดได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติถึง 19%, 11% และ 10% ตามลำดับ
แต่ในกลุ่มผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะเริ่มแรก (Early AMD) ไม่พบว่าการบริโภคอาหารเสริมจะมีประโยชน์ต่อการดำเนินโรค เนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มนี้มีความเสี่ยงน้อยมาก (<2%) ที่จะกลายเป็นระยะรุนแรง (Advanced AMD) และไม่พบว่าสามารถป้องกันการเกิดโรคในประชากรปกติ (no AMD) ได้ โดยผลการศึกษาของ AREDS นี้ถือเป็นมาตรฐานของการดูแลผู้ป่วยความเสี่ยงสูงที่จะกลายเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะรุนแรง (Advanced AMD) ในปัจจุบัน (ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะปานกลาง [Intermediate AMD] และระยะรุนแรง [Advanced AMD] ในตาข้างใดข้างหนึ่ง)
· ผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะรุนแรง (Advanced AMD) พบว่าการบริโภค antioxidant และ zinc, zinc เท่านั้น และ antioxidant เท่านั้น สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดตาบอดได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติถึง 19%, 11% และ 10% ตามลำดับ
แต่ในกลุ่มผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะเริ่มแรก (Early AMD) ไม่พบว่าการบริโภคอาหารเสริมจะมีประโยชน์ต่อการดำเนินโรค เนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มนี้มีความเสี่ยงน้อยมาก (<2%) ที่จะกลายเป็นระยะรุนแรง (Advanced AMD) และไม่พบว่าสามารถป้องกันการเกิดโรคในประชากรปกติ (no AMD) ได้ โดยผลการศึกษาของ AREDS นี้ถือเป็นมาตรฐานของการดูแลผู้ป่วยความเสี่ยงสูงที่จะกลายเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะรุนแรง (Advanced AMD) ในปัจจุบัน (ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมระยะปานกลาง [Intermediate AMD] และระยะรุนแรง [Advanced AMD] ในตาข้างใดข้างหนึ่ง)
ถึงแม้ว่า
การบริโภคอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุนั้นสามารถชะลอการดำเนินโรคจอประสาทตาเสื่อมได้จริง
แต่ปริมาณที่ใช้ในการศึกษานั้นมากกว่าปกติมาก โดย vitamin C 500 mg นั้นมีปริมาณมากถึง 5 เท่าของปริมาณที่ได้จากอาหารที่คนทั่วไปบริโภคในแต่ละวัน
นอกจากนั้น vitamin E 400 IU และ zinc 80 mg ก็มีปริมาณมากถึง 13 และ 5 เท่าของปริมาณสารอาหารที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน
(Recommended Dietary Allowance [RDA]) จะเห็นได้ว่าการที่ร่างกายจะได้รับสารอาหารตามปริมาณที่
AREDS ได้แนะนำไว้นั้นต้องได้รับจากอาหารเสริมหรือการบริโภคอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่มากกว่าปกติ
เป็นที่ทราบกันดีว่าผักและผลไม้เป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุต่างๆที่สำคัญ
ตารางข้างล่างแสดงอาหาร 5 ชนิดที่มี vitamin C, E,
beta carotene และ zinc เป็นส่วนประกอบในปริมาณมาก
ถึงแม้ว่าการบริโภคอาหารข้างต้นจะไม่ได้รับวิตามินและแร่ธาตุมากเท่ากับการบริโภคอาหารเสริม
แต่อย่างไรก็ตาม การบริโภคผักต่างๆก็ไม่ได้ก่อให้เกิดโทษแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมหันมาบริโภคผักชนิดต่างๆให้มากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม การบริโภคผักต่างๆก็ไม่ได้ก่อให้เกิดโทษแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมหันมาบริโภคผักชนิดต่างๆให้มากขึ้น
.....................................................................................
เอกสารอ้างอิง
1.
Kanski JJ, Bowling B.
Clinical Ophthalmology: A Systematic Approach. 7th ed. Philadelphia:
Elsevier/Saunders; 2011:611-616.
2.
The Age Related Eye
Disease Study Research Group. A
randomized, placebo-controlled, clinical trial of
high-dose supplementation with vitamins C and E, beta carotene, and zinc for
age-related macular degeneration and vision loss: AREDS Report No. 8. Arch
Ophthalmol 2001;119(10):1417-1436.
3.
National Agricultural
Library. National Nutrient Database for Standard Reference Release 27 [Internet].
[cited 2015 Jun 7]. Available from: http://ndb.nal.usda.gov/ndb/nutrients/.
4.
Office of Dietary
Supplements. Vitamin E Fact Sheet for Health Professionals [Internet]. updated 2013 Jun 5; cited 2015 Jun 7].
Available from: http://ods.od.nih.gov/factsheets/VitaminE-HealthProfessional/.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น