โรคตากระตุก ...ตากระตุกหรือใบหน้ากระตุก อันตรายหรือไม่
โรคตากระตุก (Blepharospasm) เป็นโรคที่เกิดจากกล้ามเนื้อ orbicularis muscle รอบดวงตาเกิดอาการหดเกร็งและกระตุก ส่วนโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก (hemifacial spasm) เกิดจากการหดเกร็งและกระตุกของกล้ามเนื้อใบหน้าซีกใดซึกหนึ่ง พบได้ในวัยผู้ใหญ่ อายุเฉลี่ย 45-50 ปี พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
อาการเริ่มต้นมักกระตุกที่หนังตามาก่อน หลังจากนั้นก็กระจายไปครึ่งใบหน้า ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ป่วยอย่างมากและบ่อยครั้ง กล้ามเนื้อรอบตาจะเกร็งจนตาปิดไปรบกวนการมองเห็น ทำให้รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ นอกจากนี้ยังเป็นปัญหาในการเข้าสังคมแก่ผู้ป่วยมาก
สาเหตุ : เชื่อว่าเกิดจากเส้นเลือดที่เลี้ยงก้านสมองเกิดคดเคี้ยวและไปกดเบียดเส้นประสาทสมองเส้นที่ 7 ทำให้เกิดการนำกระแสประสาที่ผิดปกติขึ้นมา หรือเกิดจากเนื้องอกของอวัยวะใกล้เส้นประสาท หรือของเส้นประสาทเอง แต่ส่วนใหญ่จะไม่พบโรคร้ายแรง (และไม่มีโรคที่เป็นสาเหตุแน่ชัด) มักเป็นข้างเดียว อาจพบมีสาเหตุกระตุ้นได้ เช่น ความเครียด การอดนอน คาเฟอีน แอลกอฮอล์
การรักษา : ในอดีตได้มีการรักษาทางยาและการผ่าตัด โดยยาที่ใช้มีหลายชนิด เช่น carbamzepine , gabapentin , clonazepam , baclofen แต่ได้ผลบ้างเล็กน้อย ไม่ดีเท่าที่ควรและมีผลข้างเคียง เช่น ง่วง แพ้ยา เป็นต้น ส่วนการผ่าตัด เรียกว่า microvascular decompression จะต้องเปิดเข้าไปในกะโหลกศีรษะและทำให้เส้นเลือดที่เบียดเส้นประสาทอยู่แยกห่างจากกัน แต่ก็มักกลับมาเป็นซ้ำได้อีก และยังมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้ เนื่องจากเส้นเลือดและเส้นประสาทมีขนาดเล็กมาก เป็นการผ่าตัดที่อันตรายและมีความเสี่ยงสูง อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสูงมาก ปัจจุบันจึงไม่เป็นที่นิยม
นอกจากนั้น ถ้าใบหน้ากระตุกครึ่งซีกเกิดจากสาเหตุที่ชัดเจน เช่น เนื้องอก ก็รักษาตามสาเหตุแต่ก็พบได้น้อยมาก
ในปัจจุบันการฉีดยา Botulinum toxin หรือ Botox เพื่อรักษาอาการใบหน้ากระตุกครึ่งซีกเป็นที่ยอมรับว่าได้ผลดี แต่ราคาสูงและต้องทำการฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือน
หลักการของการใช้ยา Botulinum toxin คือ ยาจะไปยับยั้งการนำกระแสประสาทที่สั่งการไปที่กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้น้อยลง ทำให้การกระตุกลดลง จะเริ่มเห็นผลการรักษา 1-2 สัปดาห์หลังจากฉีด และยาจะออกฤทธิ์อยู่นาน 3-6 เดือน
ผลข้างเคียงที่พบได้ : เป็นผลข้างเคียงระยะสั้นและไม่ได้พบบ่อย ได้แก่ หนังตาตก ปิดตาไม่สนิท ตาแห้ง ปากเบี้ยว แต่ก็จะหายไปเมื่อยาหมดฤทธิ์ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรเลือกรับการฉีดยาจากแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์มานาน
หลังการฉีดยา ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผู้ป่วยที่มีหนังตาปิดสามารถลืมตามองเห็นได้อีกครั้ง และสามารถเข้าสังคมและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ในผู้ป่วยที่มีอาการมาก แม้จะไม่ได้หายสนิทหลังฉีดยา แต่ความถี่และความแรงในการกระตุกจะลดลงอย่างชัดเจน
โดยสรุปการฉีดยา Botox สามารถใช้รักษาโรคกล้ามเนื้อรอบตาและใบหน้ากระตุกได้ดีโดยผู้ป่วยไม่ต้องเสี่ยงต่อการผ่าตัดสมอง และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมากในการผ่าตัดสมอง และไม่ต้องรับประทานยาซึ่งมีผลข้างเคียง ทำให้ง่วงมาก นอกจากนี้การฉีดยา Botox ยังไม่พบผลข้างเคียงที่มีอันตรายใด ๆ
...ใครที่ต้องทรมานกับโรคตากระตุกหรือใบหน้ากระตุก ไม่น่ากลัวเลยนะคะ กับวิธีการรักษาในปัจจุบันที่ไม่ต้องเสี่ยงจากผลข้างเคียงในการผ่าตัด เพียงแค่ฉีดด้วยเข็มฉีดยาเล็ก ๆ คุณก็ไม่ต้องรำคาญกับตากระตุกและใบหน้ากระตุกอีกต่อไปค่ะ
ผู้ป่วยสามารถเข้ารับบริการปรึกษาและนัดฉีดยา Botox ได้ทุกวันอังคารที่ 1 และ 2 ของเดือนที่คลินิกรักษาผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกครึ่งซีก และกล้ามเนื้อตากระตุกแผนกจักษุวิทยา ชั้น 4 อาคาร 72 พรรษา มหาราชินี โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ค่ะ
ค่ารักษาต่อครั้งประมาณเท่าไหร่คะ
ตอบลบ